ชีวิตเเมน เเมน

‘แมน พัฒนพล’ ชีวิตเปลี่ยนหลังบวช 

„‘แมน พัฒนพล’ ชีวิตเปลี่ยนหลังบวช ไม่กล้าฟันธง รักนี้จบที่ผู้หญิงชื่อ ‘ใบเตย’ หลังจากสึกออกมาจากบวชก็เหมือนชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แถมล่าสุดยังได้รับบทบาทใหม่เข้ามาเสริมทัพเป็นผู้ประกาศข่าวบันเทิง ช่อง 2 วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2558 เวลา 2:17 น. 

ได้ชื่อว่าเป็นลูกไม้ใต้ต้นอีกคนหนึ่ง สำหรับ “แมน-พัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนักแสดงคุณภาพ “ป๋อง-พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา” หวานใจตัวจริงของนักร้องลูกทุ่งสาวสุดเซ็กซี่ “ใบเตย อาร์สยาม” หลังจากสึกออกมาจากบวชก็เหมือนชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แถมล่าสุดยังได้รับบทบาทใหม่เข้ามาเสริมทัพเป็นผู้ประกาศข่าวบันเทิง ช่อง 2 กลายเป็นหนุ่มฮอตเนื้อหอมขนาดนี้ ต้องตามมาอ่านบทสัมภาษณ์ชีวิตที่เปลี่ยนเเปลงของเขากัน

สึกออกมาแล้วเป็นยังไง ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง?

 “บวชไปทั้งหมด 21 วันครับ แล้วไปที่วัดป่าอีก 3 วัน เพราะว่าต้องออกมาถ่ายละคร บวชครั้งนี้ตั้งใจจะให้คุณพ่อคุณแม่ และก็คุณยายเป็นหลัก เพราะว่าคุณยายบอกไว้ว่าถ้าฉันตายบวชให้ด้วยนะ เราก็เลยคิดว่าถ้าท่านเสียชีวิตไปแล้วไม่น่าจะได้สัมผัส เขาน่าจะมีความสุขมากกว่ากับการที่ได้เห็นหลานชายคนเดียวได้บวชต่อหน้าและตอนมีชีวิต เราคิดแค่นั้น หลังจากบวชก็รู้สึกดีครับ ก่อนหน้านั้นผมเคยบวชมา 2 ครั้ง คือ บวชเณร และบวชพระหน้าไฟตอนคุณปู่เสียชีวิต แต่เรารู้ว่าช่วงนั้นยังไม่นิ่ง ยังไม่ซึ้งในรสพระธรรม ความเปลี่ยนแปลงเหรอครับ ไม่ค่อยออกไปขี่มอเตอร์ไซค์เท่าไหร่ ไม่ค่อยไปปาร์ตี้ ผมชอบสวดมนต์ครับ ตอนแรกคิดว่าเดือนสองเดือน นี่ผมสึกมา 8-9 เดือนแล้วก็ยังเป็นเหมือนเดิม ตอนแรกก็ถามตัวเองก่อนว่ามันติดจากการที่เราไปบวชมาหรือเปล่า แต่ตอนนี้เริ่มชอบการสวดมนต์ นั่งสมาธิ แล้วผมได้เจอสิ่งดี ๆ มากมาย เช่น งานใหม่ ๆ อย่างการเป็นผู้ประกาศ ข่าวบันเทิงที่ ช่อง 2 ได้เจอบุคคลใหม่ที่น่าสนใจเข้ามาในชีวิต ได้รับวัตถุมงคลจากคนอื่น ๆ ที่หลายคนตีค่า10 ล้าน 20 ล้าน แต่ผมได้มาด้วยพลังจิตของผมซึ่งมันแปลกมาก ๆ ตอนนี้ผมมีเยอะมาก ๆ ผมก็นั่งส่องทุกวัน คุณแม่กับแฟน (น้องใบเตย) ก็บอกว่าอย่าถลำลึกมาก เราก็บอกว่าดีกว่าไปติดผู้หญิงมั้ย ยิ่งพาคุณพ่อกลับมาได้อีก คุณพ่อไม่เคยสวดมนต์เลยมา 60 กว่าปี ตอนนี้นั่งสวดมนต์ทุกวัน”

 ได้ข่าวว่าก่อนไปบวชเราไม่ค่อยได้ดูแลคุณพ่อคุณแม่สักเท่า

ไหร่?

 “ที่ผ่านมาผมดูแลนะครับ แต่การดูแลมันต้องครอบคลุมมากกว่านั้น ผมกราบเท้าคุณแม่เป็นประจำ เมื่อก่อนผมไม่เคยพกเครื่องราง ผมพกผ้าถุงแม่ แล้วผมก็รอดปาฏิหาริย์ทุกเรื่อง จริง ๆ ผมเป็นคนเกเรตั้งแต่เกิด คลอดยาก ย้ายโรงเรียนตอนประถมมา 6 โรงเรียน เกเรมาก เมื่อก่อนถ้าเป็นลูกนักแสดงเขาจะล้อชื่อแม่กันผมก็ชกมันทุกโรงเรียนเลย คุณแม่ต้องมาที่โรงเรียนแล้วบอกว่ายังไม่หยุดอีกเหรอแม่เหนื่อยแล้ว แต่เราก็ไม่ได้เล่าให้ฟังว่าที่เราทำเพราะอะไร” ขอถามเรื่องที่ว่าแมนไม่ถูกกับพ่อเลย? “ไม่ใช่ว่าไม่ถูก แต่ไม่เข้าใจ คุณพ่อถือว่าเป็นคุณพ่อที่ดีมากในเรื่องของการดูแลผมกับน้องไม่เคยตี แต่ตอนเด็ก ๆ เราจะเห็นภาพคุณพ่อเป็นคนเจ้าชู้ คุณแม่ก็จะจูงมือเราไปตามคอนโดฯ ผู้หญิงต่าง ๆ เราเห็นภาพนั้น เราเลยมีความรู้สึกว่าทำไมต้องทำร้ายคุณแม่เราด้วย เราก็ไม่ค่อยเข้าใจทะเลาะกันแบบผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้รุนแรง เราก็เลยเกเรประชดพ่อด้วย แต่ตอนสึกมาเราเข้าใจกัน ตอนนี้ผมกับพ่อไปไหนด้วยกันทุกที่”

 มาคุยเรื่อง “ใบเตย” บ้าง ถึงวันนี้มีความสุขดีมั้ย?

 

“จากวันแรกที่คบกันจนถึงวันนี้ก็เกือบ 4 ปีแล้ว ผมเองก็ยังนึกไม่ถึงว่าจะมาถึงวันนี้ เพราะว่าผมเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง ใจร้อน ขี้เบื่อ แล้วก็ผ่านอะไรมาเยอะตามประสาผู้ชาย ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าเวลาผ่านไปเร็ว ถือว่าเป็นผู้หญิงที่คบนานที่สุดด้วย ที่คบกันได้นานมันเป็นเพราะตัวน้องด้วยนะ เขาเป็นคนกตัญญู ทุกครั้งที่คุยกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรเขาก็จะนึกถึงคุณพ่อคุณแม่ เขาเล่าให้ผมฟังว่าเขาเลี้ยงคุณพ่อคุณแม่ด้วยเงินตัวเองตั้งแต่อายุ 16-17 เราเป็นลูกคุณหนูหน่อย ๆ 16-17 ยังจำความไม่ได้เลยว่าทำอะไร ที่สำคัญไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ไม่เที่ยวกลางคืน ต่างกับภาพที่เรามองเห็น ทำให้เรามีความรู้สึกว่าบางทีเราเห็นภาพที่สวยงามแต่มันก็ไม่ได้เป็นจริงนะ ทุกคนชอบตัดสินคนที่ภายนอก เขาเป็นคนพูดตรง ๆ มีหลาย ๆ อย่างที่เราไม่เคยเจอ ผู้หญิงบางคนที่คบกับเรา เราผิดพลาดเรื่องไหน ไม่พูดก็มี แต่เตยจะพูดตรงหมด เราก็โกรธแต่นั่งคิดนิดนึงเขาก็พูดตรงนี่หว่า ปีสองปีแรกมันไม่ง่ายมีเรื่องทะเลาะกันตลอดเวลา แต่ก็ค่อย ๆ ปรับกันมา”

 ที่ผ่านมาแมนเองก็โดนกระแสเยอะเมื่อคบกับใบเตย?

 “เยอะครับไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกาะน้องดัง แล้วมีนักเลงคีย์บอร์ดแรง ๆ ที่มาว่าเป็นแมงดา ตอนนั้นผมก็อยากจะพูดนะว่าดูชาติตระกูลด้วย แต่ตอนนี้บวชมาแล้ว ก็ปล่อยๆ ไป ที่ผ่านมาผมก็มีแฟนมาหมดนะ นางแบบ นางเอก ไฮโซ เราไม่จำเป็นต้องมาพูด แต่สำหรับเตยเรามีความรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดีกับเรา แต่โดนโจมตีเยอะ ซึ่งน้องเขาไม่ใช่แบบนั้น ผมก็เลยอยู่ปกป้องเขา ผู้หญิงคนหนึ่งโดนรังแก พ่อแม่ผมสอนมาอยู่แล้ว ผมมีน้องสาวด้วย ก็จะยืดอกออกสื่อ ตอนที่เขาด่า เขาด่าถึงครอบครัวผม ครอบครัวน้อง” ใบเตยเองก็โดนด่ามากไม่ว่าขยับตัวทำอะไรก็ผิด เรารู้สึกยังไงบ้าง? “คือบวชมาแล้วครับเย็นลงเยอะ เรื่องนี้นานาจิตตังครับ แต่มันก็แรงนะ คิดดูถ้าเป็นลูกสาวคุณ น้องสาวคุณ แล้วคุณแค่ดูเขาจากภายนอก หรือคุณอ่านจากหนังสือพิมพ์บางเล่ม แล้วคิดไปเอง ซึ่งวันนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าน้องไม่ได้เป็นอย่างนั้น น้องยืนอยู่ในวงการถึงทุกวันนี้” 

ทั้งแมนและใบเตยผ่านเรื่องราวเหล่านี้มาได้ยังไง?

 “ปรึกษาคุณแม่ คุยกับเพื่อนผม พาน้องไปทำบุญ เตยเองเป็นคนทำบุญเยอะมากแต่ไม่ได้ลงไอจี เราก็บอกว่าบางทีหนูก็ต้องลงบ้างนะ คนเขาเชื่อเกี่ยวกับโซเชียล เขาก็พูดคำนึงว่าไม่จำเป็นหรอก ป๋าหนูก็ทำแบบนี้มาตลอด แต่หลังจากบวชก็มีแต่เรื่องดี ๆ เราก็เข้าใจตอนนั้นเขาคิดว่าเราคบกันเพื่อสร้างภาพ 4 ปีมันก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วสำหรับเรา แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะยาวนานขนาดไหน แต่ขอทำวันนี้ให้ดีที่สุด”

 เรายืนยันมั้ยว่าความรักจะจบกับผู้หญิงที่ชื่อใบเตย?

 “ไม่กล้ายืนยันครับ อนาคตมันเป็นเรื่องของอนาคต เดี๋ยวมันจะกลายเป็นเรื่องที่พูดแล้วทำไม่ได้ แค่อยากจะบอกว่าปัจจุบันนี้ผมมีความสุข เรื่องแต่งยังครับ ผมยังมีความฝันอีกมากมาย ผมมีความฝันหาทุนก้อนใหญ่สักก้อนหนึ่งทำชุดเกราะให้กับทหาร 3 จังหวัดใต้โดยเป็นแบรนด์ของผมเอง เพราะถ้าซื้อเป็นชุดจะแพง ตอนนี้ศึกษาอยู่คิดว่าไม่นาน แล้วก็ธุรกิจผม บ้านที่ผมสร้างทุกคนคิดว่าเป็นเรือนหอ ไม่ใช่นะครับ ผมขอสร้างบ้านให้พระอรหันต์ผมอยู่ก่อน คือ คุณพ่อคุณแม่ อยากให้น้องกลับมาได้แล้ว  ส่งไปเรียนเมืองนอกไม่กลับมาสักทีแล้วพี่คนนี้จะดูแลเอง” 

ได้ข่าวตอนนี้มีบทบาทใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต?

 “ใช่ครับ ผมได้รับโอกาสให้เข้ามาทำงานที่ช่อง 2 กับการเป็นผู้ประกาศข่าวบันเทิง เป็นครั้งแรกเลยสำหรับการเป็นพิธีกรหรือผู้ประกาศข่าว ผมรู้สึกตื่นเต้น เหมือนเป็นอีกคาแรกเตอร์หนึ่งที่เราไม่เคยทำ ถ้าคนมองว่าที่เราเปลี่ยนมาเป็นพิธีกรเพราะว่าหมดยุคของวิทยุแล้ว ผมไม่ได้มองแบบนั้นครับ ผมมองว่าวิทยุยังอยู่ได้ แต่ตรงนี้โอกาสมันเข้ามาผมก็เลยอยากลองพิสูจน์ตัวเองดูว่าผมทำได้มั้ย ยอมรับว่าบทบาทที่ได้รับค่อนข้างเกร็ง เพราะว่ามันผิดไม่ได้เลย เราต้องผ่านตามข้อเท็จจริง มันเป็นความท้าทายของผม ผมทำข่าว ช่อง 2 บันเทิง ภาคค่ำ ซึ่งเป็นรายการสด วิทยุว่ายากแล้ว แต่อันนี้เป็นรายการสด แล้วเห็นหน้าด้วย เสี่ยงมากกับการที่ไม่ถูกใจใคร บางข่าวทะเลาะกัน เราก็ไม่อยากเป็นกลางนะ เพราะว่าเรารู้เรื่อง แต่การนำเสนอก็ต้องเป็นกลางที่สุด ความแตกต่างระหว่างดีเจกับผู้ประกาศข่าว แตกต่างกันมาก ดีเจอยู่หลังไมค์แล้วเราก็พูด แต่การเป็นผู้ประกาศข่าวสิ่งสำคัญก็คือความเป็นกลาง อีกอย่างหนึ่งมีพิธีกรร่วมอีก 2 คน ซึ่งเราต้องทำงานเป็นทีม” 

กระแสตอบรับเป็นยังไงบ้างตั้งแต่ทำมา?

 “กระแสตอบรับดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะครับ ไม่คิดว่ากระแสจะตอบรับดีขนาดนี้ เพราะว่าเป็นงานพิธีกรหรือผู้ประกาศครั้งแรกของผม เมื่อก่อนผมจะเป็นคนที่ไม่ค่อยติดตามข่าวบันเทิงหรือข่าวกระแสสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เมื่อเรามาทำงานตรงนี้ เราก็ต้องติดตามข่าวสารของคนในวงการ เราต้องมีภูมิในการนำเสนอ ไม่ใช่ว่าพูดไปลอย ๆ แต่ยังมีพัฒนาอีกเยอะครับ ยังไงผมก็ขอโอกาสตรงนี้ด้วย และขอฝากเนื้อฝากตัวกับแฟน ๆ รายการทุกคนนะครับ”. 
กาญจนา สิทธิเม่ง รายงาน“

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/entertainment/359218