โอม มณีปัทเม หุม เคยได้ยินไหม

      
      พวกเราเชื่อว่าวิญญาณของเรานั้นเป็นอมตะ  บทสวดของเรา
 "โอม  มณีปัทเม หุม" เป็นภาษาทิเบต เเปลตามความหมายของคำว่าเป็น "โอ  ดวงมณีในดอกบัว" คำสวดนี้มีความหมาย "ข้าขอคารวะต่ออาตมันอันสูงส่ง" พวกเราเชื่อว่าความตายนั้นไม่มี

 สังขารร่างกายของเราเป็นเสมือนเสื้อผ้าชุดหนึ่ง  เมื่อถูกสวมใส่จนเก่าขาดวิ่นก็จะถูกถอดทิ้งไป  วิญญาณของเราเป็นอมตะ  จะละทิ้งร่างกายเนื้อหนังเมื่อสังขารไม่สามารถทนต่อไปได้ ความตายนั้นก็คือกำเนิดใหม่  อาการตายนั้นคือการเปลี่ยนเเปลงเพื่อไปเกิดหรือไปมีตัวตนในภพอื่น  ความเป็นมนุษย์หรือจิตวิญญาณของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งยั่งยืน  ส่วนร่างกายนั้นเป็นเพียงเสื้อผ้าเเห่งกาลเวลา  ที่จิตหรือวิญญาณใช้สวมใส่ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง  รูปลักษณะภายนอกที่เราเห็นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีความหมาย  ดวงวิญญาณภายในร่างนั้นต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ  ศาสดาอาจกำเนิดมาในร่างของยาจกอนาถา  เราไม่ควรจะตัดสินบุคคลนั้นๆ เพียงลักษณะภายนอกที่มองเห็น  คนที่มีจิตใจอกุศลอาจถือกำเนิดมาในลักษณะของคนมั่งมี เพื่อเป็นการทดสอบว่าเขาจะยังจะประพฤติตนเป็นคนชั่วอีกหรือไม่ ในเมื่อไม่มีความยากจนบีบบังคับ


ดร.ล็อบสัง  รัมปา '' The Third Eye"

หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่าน เป็นรอบที่เท่าไหร่จำไม่ได้ เเต่เป็นหนังสือที่อ่านได้ทุกหน้า ข้ามไม่ได้เลย ผู้เเต่ง เป็น นักบวช(ลามะ)ที่เป็นเเพทย์ เกิดในตระกูลชั้นสูง ลูกชายคนเดียว เเต่ได้รับพยากรณ์ชะตาชีวิตตั้งเเต่วัยเพียง ๔ ขวบกำหนดให้ต้องไปศึกษาในวัดที่มีชื่อเสียงเรื่องการเเพทย์เก่าเเก่เเห่งหนึ่งในทิเบต ความยากลำบากในการพยายามเอาตัวเข้าไปศึกษาในวัดนี้ให้ได้ และชีวิต ความเป็นอยู่ การปรับตัวของลูกขุนนางชั้นสูง ลดฐานะมาเป็นเด็กวัด ความมานะในการศึกษาของท่าน จนสำเร็จวิชาเเพทย์ชั้นสูง รวมไปถึงการได้เปิด ดวงตาที่สาม เป็นหลักฐานวิชาการเขียนที่ทำให้โลกตะวันตก ได้ทราบเรื่องราวเเท้จริงที่ซ่อนไว้ของทิเบต

ประเทศหลังคาโลก ในหน้านี้ผู้เขียนเลือกเอาการเเปลความหมายของมนตรา หรือบทสวดทิเบต ที่หลายคนคุ้นเคยกัน มาให้อ่านในความหมายจริงๆที่ท่านได้เเปลไว้ พร้อมทั้งนำบทสวดมาให้ฟังกัน ลองเปิดฟังดูจะรู้สึก ถึงบรรยากาศเย็นๆเกิดรอบตัว เหมือนอยู่บนภูเขาสูง ธงสะบัดหลากสี ที่ทิเบต......